เรื่องที่แนะนำ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การใช้งาน if-else และ table แทน switch ในภาษา Lua บน Roblox Studio พร้อมตัวอย่างเกมง่ายๆ
Lua เป็นภาษาที่ใช้ในการพัฒนาเกมใน Roblox Studio
ซึ่งมีความเรียบง่ายและยืดหยุ่น
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญคือโครงสร้างควบคุมการทำงาน เช่น if-else
และ switch
(ซึ่งใน Lua จะใช้ table แทนเนื่องจากไม่มี switch
ในตัว)
บทความนี้จะแนะนำวิธีใช้งาน if-else
และโครงสร้าง table ที่คล้าย switch
พร้อมตัวอย่างเกมง่ายๆที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้
1. การใช้งาน if-else ใน Lua
โครงสร้าง if-else
ใช้ในการตัดสินใจตามเงื่อนไขต่างๆ ตัวอย่างเช่น:
local playerScore = 50
if playerScore >= 100 then
print("คุณชนะ!")
elseif playerScore >= 50 then
print("คุณใกล้จะชนะแล้ว!")
else
print("พยายามอีกหน่อย!")
end
ในโค้ดนี้:
- ถ้าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 100 จะพิมพ์ว่า "คุณชนะ!"
- ถ้าคะแนนอยู่ระหว่าง 50-99 จะพิมพ์ว่า "คุณใกล้จะชนะแล้ว!"
- ถ้าคะแนนน้อยกว่า 50 จะพิมพ์ว่า "พยายามอีกหน่อย!"
2. การใช้ table แทน switch ใน Lua
Lua ไม่มีคำสั่ง switch
โดยตรง แต่สามารถใช้ table
และฟังก์ชันเพื่อจำลองโครงสร้าง switch
ได้ ตัวอย่างเช่น:
local action = "jump"
local actions = {
run = function() print("ผู้เล่นกำลังวิ่ง") end,
jump = function() print("ผู้เล่นกำลังกระโดด") end,
attack = function() print("ผู้เล่นกำลังโจมตี") end,
}
if actions[action] then
actions[action]()
else
print("คำสั่งไม่ถูกต้อง")
end
ในตัวอย่างนี้:
action
เป็นตัวแปรที่เก็บคำสั่งactions
เป็นตารางที่เก็บฟังก์ชันต่างๆ- ระบบจะเรียกใช้ฟังก์ชันที่ตรงกับค่าของ
action
หรือแสดงข้อความเมื่อคำสั่งไม่ถูกต้อง
3. ตัวอย่างเกมง่ายๆ: ระบบการกระทำของตัวละคร
สมมติเราสร้างเกมที่ตัวละครสามารถกระโดด วิ่ง หรือโจมตีตามคำสั่งของผู้เล่น:
local playerAction = "attack" -- เปลี่ยนเป็น "run", "jump" หรือ "attack"
local function handleAction(action)
if action == "run" then
print("ผู้เล่นกำลังวิ่ง")
elseif action == "jump" then
print("ผู้เล่นกำลังกระโดด")
elseif action == "attack" then
print("ผู้เล่นกำลังโจมตี")
else
print("คำสั่งไม่ถูกต้อง")
end
end
handleAction(playerAction)
4. การปรับปรุงด้วยโครงสร้างคล้าย switch
เราสามารถเขียนโค้ดเดิมให้กระชับขึ้นโดยใช้ table ที่มีโครงสร้างคล้าย switch
ดังนี้:
local playerAction = "jump"
local actions = {
run = function() print("ผู้เล่นกำลังวิ่ง") end,
jump = function() print("ผู้เล่นกำลังกระโดด") end,
attack = function() print("ผู้เล่นกำลังโจมตี") end,
}
actions[playerAction] = actions[playerAction] or function() print("คำสั่งไม่ถูกต้อง") end
actions[playerAction]()
ในตัวอย่างนี้:
- ใช้ตาราง
actions
เพื่อเก็บการกระทำที่รองรับ - ถ้าคำสั่งไม่ตรง จะใช้ฟังก์ชันเริ่มต้นแสดงข้อความว่า "คำสั่งไม่ถูกต้อง"
สรุป
if-else
เหมาะสำหรับการตัดสินใจที่มีเงื่อนไขไม่ซับซ้อน- โครง table ที่คล้าย
switch
เหมาะสำหรับการจัดการคำสั่งหลายกรณีที่ไม่ซ้ำซ้อน - การใช้โครงสร้างที่เหมาะสมช่วยให้โค้ดอ่านง่ายและบำรุงรักษาได้ง่ายขึ้น
ลองนำตัวอย่างไปปรับใช้กับเกมของคุณใน Roblox Studio เพื่อเพิ่มความสามารถและความสนุกให้กับเกม!
บทความที่ได้รับความนิยม
สอนสร้างเกมส์บริหารเหตุการณ์ต่างๆในร้านนวด
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
การใช้งาน RPC (Remote Procedure Call) ด้วย Java พร้อมตัวอย่างเกมออนไลน์ (ต่อ)
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น